เจ้าพายุ 1 12 61
อ.
ไกลโคเจน หรือ แป้งสัตว์ พบในคนและสัตว์เท่านั้น เป็นอาหารสำรองที่เปลี่ยนมาจากกลูโคสของสัตว์ ซึ่งเก็บสะสมไว้ที่ตับ และกล้ามเนื้อหน้าท้อง(กล้ามเนื้อลาย) จะนำมาใช้ในยามขาดแคลน (โมเลกุลขนาดใหญ่กว่าแป้ง) 3. เซลลูโลส พบในผนังเซลล์พืช ทำหน้าที่เป็นโครงร่างของพืชให้แข็งแรง ได้แก่ เยื่อไม้ ฝ้าย สำลี กระดาษ ใบพืช เป็นต้น - ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้ แต่เป็นประโยชน์ต่อระบบการขับถ่ายอุจจาระ ซึ่งมีสมบัติในการดูดน้ำได้ดี ทำให้กากอาหารไม่แข็ง ช่วยในการขับถ่ายให้สะดวก - สัตว์ที่สามารถย่อยเซลลูโลสเป็นอาหารได้ คือ ปลวก และสัตว์ ประเภทเคี้ยวเอื้อง เช่น วัว ควาย เนื่องจากสัตว์เหล่านี้มีโปรโตซัว หรือ พวกแบคทีเรีย อยู่ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งสามารถผลิต เอนไซม์เซลลูเลส ย่อยให้กลายเป็นกลูโคสได้ 4. ไคติน พบในเปลือกสัตว์ เช่น เปลือกกุ้ง กระดองปู แมลงปีกแข็ง - วุ้น สกัดได้จาก สาหร่ายสีแดง(สาหร่ายผมนาง) ใช้เพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ น้ำตาลเทียม เป็นสารเคมีที่สังเคราะห์ขึ้นซึ่งมีความหวานมาก แต่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร เพราะไม่ให้พลังงาน - นำมาใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานแทนน้ำตาล และใส่ในน้ำอัดลม ยาสีฟัน ยาบ้วนปาก น้ำตาลเทียมที่สำคัญ คือ 1.
เห็ด เห็ดมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำมาก เห็ดขาวดิบ 1 ถ้วย (70 กรัม) ให้คาร์โบไฮเดรตเพียง 2 กรัมเท่านั้น โดยมีไฟเบอร์ 1 กรัม นอกเหนือจากนี มันยังมีคุณสมบัติต่อต้านอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย งานวิจัยชิ้นหนึ่งให้ผู้ชายที่เป็นโรคอ้วนลงพุง รับประทานเห็ดขาว 100 กรัม เป็นเวลา 16 สัปดาห์ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ชายเหล่านั้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และต่อต้านการอักเสบเพิ่มขึ้น 4. ผักโขม ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย? นักวิจัยพบว่า มันสามารถช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ DNA ได้นอกจากนี้มันยังบำรุงหัวใจและลดความเสี่ยงของโรคทางสายตาเช่น ต้อกระจก และจอตาเสื่อม ได้อีกด้วย นอกเหนือจากนี้ ผักโขมยังเป็นแหล่งวิตามินและเกลือแร่ที่ดีหลายชนิด ผักโขมที่ปรุงสุกแล้ว 1 ถ้วย (180 กรัม) ให้วิตามินเคมากกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวันถึง 10 เท่า นอกจากนี้ผักโขมยังมีคาร์โบไฮเดรตน้อยเช่นกัน 5. อะโวคาโด ถึงแม้ว่า อะโวคาโดจะเป็นผลไม้ทางเทคนิคแล้ว แต่เรายังรับประทานอะโวคาโดในรูปของผักอยู่ มันมีปริมาณไขมันที่สูง และปริมาณคาร์ไบไฮเดรตที่ย่อยได้น้อย อะโวคาโดยังอุดมไปด้วยกรดโอเลอิค (Oleic Acid) ซึ่งเป็นไขมันเชิงเดี่ยวไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ งานวิจัยเล็กๆหลายชิ้นพบว่าอะโวคาโดสามารถลดระดับคอเรสเตอรอล LDL และ ไตรกลีเซอไรด์ได้ นอกเหนือจากนี้ อะโวคาโดยังเป็นแหล่งของวิตามินซี โฟเลต (Folate) และโพแทสเซียม (Potassium) อีกด้วย มากไปกว่านั้นยังมีประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนักเช่นกัน?
Xinhua Thai 14 มกราคม 2564 ( 17:52) แคนเบอร์รา, 14 ม. ค. (ซินหัว) -- หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์แห่งชาติของออสเตรเลียได้เข้าร่วมในงานวิจัยระหว่างประเทศ ซึ่งค้นพบว่าการบริโภคคาร์โบไฮเดรตน้อยลง สามารถช่วยให้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทุเลาลงได้ งานวิจัย ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (14 ม. )
ผักมีแคลอรี่ต่ำ แต่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารที่สำคัญมากมาย นอกจากนี้ ผักหลายชนิดยังมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไฟเบอร์สูงจึงเหมาะกับอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไม่ว่าเรากำลังอยู่ในช่วง Low-carb diet หรือไม่ก็ตาม การกินผักให้มากขึ้นเป็นสิ่งที่ดีเสมอ แต่ถ้าจะดีกว่านั้นเราควรเลือกกินผักที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำจะดีที่สุด ส่วนจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 1. พริกหยวก พริกหยวก หรือรู้จักกันว่า พริกหวาน หรือ capsicum มีคุณประโยชน์อย่างมาก พริกหยวกมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระชื่อว่า แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบ ความเสี่ยงโรคมะเร็งและป้องกันความเสียหายจากการออกซิเดชั่นของคลอเรสเตอรอลและไขมัน นอกจากนี้ ยังมีวิตามินเอ 93% และวิตามินซี 317% ของปริมาณที่ต้องการต่อวัน ซึ่งคนที่ทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำมักขาดกัน พริกหยวกเขียว ส้ม เหลือง ให้สารอาหารเหมือนกัน แต่ว่า พริกหยวกสีแดงจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด 2. บล็อคโคลี่ บล็อคโคลี่ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารที่แท้จริง บล็อคโคลี่เป็นผักตระกูลกะหล่ำปลีรวมไปถึง คะน้า หัวไขเท้า งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า บล็อคโคลี่สามารถลดภาวะต่อต้านอินซูลินในโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ อีกทั้งมันยังถูกมองว่า สามารถใช้ในการป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้ รวมไปถึงมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ มันยังให้วิตามินซีและวิตามินเค 100% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันอีกด้วย 3.
2 ความกังวลที่ว่า เมื่อใช้โภชนาการแบบคีโตในระยะยาว โดยไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรตที่เพียงพอ อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตไม่ได้เป็นสารอาหารที่จำเป็น (essential nutrient) ร่างกายสามารถสร้างกลูโคสที่ต้องการได้ด้วยกระบวนการ Gluconeogenesis โดยไม่ต้องรับประทานคาร์โบไฮเดรตจากอาหารและเครื่องดื่มเลย [14] อย่างไรก็ดียังไม่มีงานวิจัยระยะยาว 5-10 ปี เพื่อศึกษาผลกระทบนี้ หรือผลกระทบทางลบของโภชนาการแบบคีโตต่อสุขภาพด้านอื่น ที่ยังไม่มีการศึกษา 3.
กาแลกโทส เป็นน้ำตาลที่พบในน้ำนม (จากการย่อยน้ำนม) เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์สมอง และเซลล์ประสาท น้ำตาลโมเลกุลคู่ (ไดแซ็คคาไรด์) คือ น้ำตาลที่เกิดจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 2 โมเลกุล รวมตัวกัน ได้แก่ ( 2. 1). น้ำตาลซูโครส หรือ น้ำตาลทราย ( C 12 H 22 O 11) ได้จากการกลั่นน้ำอ้อย และบีท และผลไม้รสหวาน เกือบทุกชนิด ถูกย่อยโดยเอนไซม์ซูเครส จากลำไส้เล็ก ( 2. 2) มอลโทส ได้จากเมล็ดข้าวมอลต์ ที่กำลังงอก ต้นถั่ว และจากการย่อยแป้ง โดยน้ำย่อยอะไมเลส นำมาใช้ประโยชน์ในการทำเบียร์ และพบในข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ( 2. 3) แลคโทส พบอยู่ในน้ำนม และปัสสาวะของหญิงมีครรภ์ แบคทีเรียสามารถเปลี่ยนน้ำตาล แลคโทส ให้เป็นกรดแลกทิค จึงทำให้นมมีรสเปรี้ยว (นมโยเกิร์ต) ทั้งสามชนิด มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน คือ C 12 H 22 O 11 - น้ำตาลซูโครส ได้จาก น้ำตาล กลูโคส + ฟรักโทส - น้ำตาลมอลโทส ได้จาก กลูโคส + กลูโคส - น้ำตาลแลกโทส ได้จาก กลูโคส + กาแลกโทส พวกที่ไม่ใช่น้ำตาล (โพลีซัคคาไรด์) คือ คาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลใหญ่ที่สุด เกิดจากการรวมตัวกันของโมเลกุลเดี่ยวนับพันๆ โมเลกุล เช่น แป้ง ไกลโคเจน เซลลูโลส วุ้น ไคติน 1. แป้ง พืชสร้างขึ้นมา แล้วเก็บสะสมไว้ใน เมล็ด ข้าว หัวเผือก หัวมัน เป็นต้น 2.