เจ้าพายุ 1 12 61
ชวนลูกเข้าครัว ในวันหยุดหรือหากมีเวลาว่าง คุณพ่อคุณแม่อาจชวนเด็ก ๆ เข้าครัวทำอาหารง่าย ๆ ที่มีผักเป็นส่วนประกอบ เช่น แกงจืดต่าง ๆ ไข่เจียวใส่ผัก แตงกวาผัดไข่ หรือ ไข่ตุ๋นใส่แครอทกับต้นหอม ให้เด็กช่วยจัดเตรียมและลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากจะสนุกสนานแล้ว ยังทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ทานอาหารฝีมือตัวเอง และสามารถกระตุ้นการรับประทานผักให้เด็กได้เป็นอย่างดี กระตุ้นให้เด็ก ๆ รับประทานผัก ด้วยการให้ทำอาหารด้วยตัวเอง 5. พาลูกปลูกผัก การให้เด็ก ๆ ได้ลงมือปลูกผักด้วยตัวเอง แม้จะเป็นแค่การหยอดเมล็ด รดน้ำ หรือช่วยหยิบจับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงการดูแลรดน้ำผักในทุก ๆ วัน จะทำให้เด็กเกิดความภูมิใจและอยากจะชิมผักที่ตัวเองปลูก นับเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการรับประทานผักให้กับเด็กอีกทางหนึ่งค่ะ ให้เด็กปลูกผักด้วยตัวเอง ช่วยปลูกฝังนิสัยการรับประทานผัก 6. จูงใจด้วยภาชนะใส่อาหาร คุณพ่อคุณแม่อาจใช้จานหรือภาชนะที่มีลวดลายน่ารัก ๆ หรือเปิดการ์ตูนที่เกี่ยวกับผักให้เด็ก ๆ ดู เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้เด็กอยากรับประทานผักตาม 7. การเล่านิทานช่วยได้ คุณพ่อคุณแม่อาจหาเรื่องเล่าเกี่ยวกับผัก หรือการรับประทานผักเป็นนิทานสั้น ๆ ว่ามีประโยชน์อย่างไร แล้วถ้าไม่กินผักเลยจะเป็นอย่างไร มาเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง เพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจและเป็นการเสริมแรงที่ดีให้เด็กอยากรับประทานผักโดยอัตโนมัติค่ะ กระตุ้นให้เด็กรับประทานผัก ด้วยการเล่านิทาน 8.
คุณแม่หลายบ้านเจอปัญหาลูกทานน้อย ลูกทานยากจนคุณแม่เกิดความเครียด!!! จึงพยายามจัดหายาต่างๆ เช่นวิตามินเสริม ยาเจริญอาหารต่างๆมาให้ลูกกินโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะมีความเชื่อว่า … ลูกกินยาเหล่านั้นแล้วจะกินข้าวอร่อยขึ้น กินได้เยอะมากขึ้น คุณแม่ทราบหรือไม่? ยาดังกล่าวมีอันตรายซ่อนอยู่ ถึงไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ส่งกระทบถึงภาวะการเจริญเติบโตตามช่วงวัยของลูกรักได้ รายละเอียดดังนี้ ยาเจริญอาหารสำหรับเด็กที่คุณแม่นิยมใช้มีอยู่ 2 ประเภท คือ 1. ยาต้านซีโรโททิน ได้แก่ ซัยโปรเฮปตาดีน (Cyproheptadine) และปิโซทิเฟน ช่วยให้ลูกรับประทานอาหารได้มากขึ้นจริงแต่ ถ้าให้ลูกกินต่อเนื่องเป็นเวลานานนานจะกดการสร้างและทำให้ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth hormone) ลดลง ทำให้ลูกตัวไม่สูงเท่าที่ควร 2.
คำแนะนำอาหารทารกวัย 0-12 เดือน 16 ก. ค. 2563 | เขียนโดย รพ.
อ่านสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่กินอาหารที่พ่อแม่เลือก เพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต เผยแพร่ครั้งแรก 5 ก. พ. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ. ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 8 มี. ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที ปกติแล้ว เวลาที่เรารับประทานอาหารที่ชอบก็จะรู้สึกมีความสุข แต่หากต้องถูกบังคับให้รับประทานอาหารที่ไม่ชอบ ไม่อร่อย ก็มักจะรับประทานได้น้อยตามไปด้วย เด็กวัยปฐมวัย (ช่วงอายุ 2-3 ขวบ) ก็เช่นกัน ซึ่งในวันนี้ เรามีคำแนะนำในการแก้ปัญหาเหล่านี้มาฝากคุณพ่อคุณแม่ 8 สาเหตุที่ทำให้เด็กเลือกรับประทานอาหาร 1. พ่อแม่เคยบังคับให้ลูกรับประทานอาหารนั้นๆ แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 0 บาท ลดสูงสุด 25650 บาท จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม! กด ผู้ใหญ่ไม่ชอบถูกบังคับ เด็กก็ไม่ชอบถูกบังคับเช่นกัน โดยการบังคับให้รับประทานอาหารอาจจะไม่ได้มาในรูปแบบของการจับยัดเข้าปาก แต่เป็นในรูปแบบของการใช้คำพูด หรือน้ำเสียงต่างๆ เช่น กินอันนี้สิลูก อร่อยนะ (ใช้คำพูดไปบังคับให้ลูกกิน) ทำไมไม่อยากกินละ กินอันนี้แล้วจะผิวสวยน่ารักนะ (ไปหลอกล่อให้ลูกกิน) กินๆ เข้าไปเถอะลูก อย่าเรื่องมากเลย (ถากถางลูก) ไม่กินก็อย่ากิน หิวจนปวดท้องอย่ามาร้องนะ (ลงโทษกับเรื่องกิน) ประโยคเหล่านี้มักจะฝังลงไปในใจเด็ก ซึ่งในช่วงปฐมวัยนี้ เด็กจะเก็บข้อมูลทุกๆ อย่างเอาไว้แล้วเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ต่างๆ ทั้งด้านที่ดี และไม่ดี ทำให้ลูกพยายามต่อต้านนั้นเอง 2.
พ่อแม่ไม่เคยฝึกลูกให้หัดเคี้ยวอาหาร ในช่วงที่ฟันของลูกกำลังจะขึ้นนั้น (เริ่มประมาณ 9 เดือน) โดยธรรมชาติแล้วเด็กจะมีอาการคันเหงือก (หมั่นเขี้ยว) อยากจะเคี้ยวอาหาร พ่อแม่สามารถฝีกให้ลูกหัดเคี้ยวอาหารได้ง่ายๆ ด้วยการให้ลูกลองเคี้ยวขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆ เด็กจะมีความสุขในการเคี้ยว และเมื่อโตขึ้นก็ค่อยๆ เพิ่มขนาดของอาหารที่จะให้ลูกเคี้ยว ซึ่งสามารถปรับเป็นผักที่มีความกรอบ เนื้อสัตว์ที่นุ่ม (แต่มีขนาดพอดีคำ) 5. ลูกกำลังมีปัญหาสุขภาพ หากลูกไม่สบาย หรือปวดฟัน ความอยากอาหารจะลดน้อยลง ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้าใจด้วยว่า เป็นธรรมชาติของเด็กที่ไม่สบายก็มักจะไม่อยากอาหารใดๆ 6. ลูกกินขนม หรือนมจนอิ่ม บ่อยครั้งที่ระหว่างมื้ออาหาร เด็กในช่วงปฐมวัยจะมักหิว (เพราะไปเล่นมาจนเหนื่อย) พ่อแม่บางคนก็ให้ลูกกินขนม รวมถึงกินนม ซึ่งบางครอบครัวให้ลูกกินนมเยอะแทบจะแทนน้ำ ให้เวลาถึงมื้ออาหารจริงๆ ลูกไม่ได้อยากรับประทานอาหาร เพราะยังไม่หิวมากนั้นเอง 7. เล่นสนุกจนลืมหิว หรือเหนื่อยเกินไป เวลาที่ผู้ใหญ่ทำอะไรที่มีความสุข สนุกสนาน เพลินๆ ส่วนมากจะไม่รู้สึกหิว เด็กในช่วงปฐมวัยก็เช่นกัน หลายครั้งที่เด็กเล่นจนเพลินจนไม่รู้สึกหิวเลยก็มี จนบางครั้งพ่อแม่ก็กังวลว่า เดี๋ยวลูกจะหิวก็รีบบังคับให้ลูกกิน ณ เวลานั้นทันที ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อลูกเลย รวมถึงบางครั้งพ่อแม่หลายคนมักจะปล่อยให้ลูกเล่นไปเรื่อยๆ พอถึงเวลา (มื้ออาหาร) ก็เรียกลูกมากินอาหาร ซึ่งการปล่อยให้ลูกเล่นมากเกินไปจนลูกเหนื่อย เมื่อเหนื่อยแล้วจะให้มากินอาหารทันทีเลยจะยากกว่ามาก 8.
ในที่นี้หมายถึง เด็กมีปัญหาในการรับประทานอาหาร เช่น อมข้าว ไม่ยอมทานอาหาร เบื่ออาหาร ฯลฯ ประวัติ ในการซักประวัติจะต้องดูตามสาเหตุข้างล่างนี้ สาเหตุจาก 1. ผู้ปกครอง 2. ตัวเด็กเอง 3. parent-child interaction 4. อาหารและบรรยากาศ 1. ปัญหาผู้ปกครอง: ผู้ปกครองป่วย เช่น มารดาเจ็บป่วย บิดามารดา ทะเลาะกัน คนในครอบครัวจำกัดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก หรือบิดามารดาไม่เข้าใจถึง ก. ลักษณะเฉพาะตัวของเด็ก ซึ่งเด็กแต่ละคนรับประทานอาหารไม่ เหมือนกัน และไม่เท่ากัน ข. พัฒนาการของเด็กปกติ จึงเข้าใจผิดว่าเด็กมีปัญหา เช่น -ไมได้ฝึกให้เด็กรับประทานอาหารเมื่อถึงวัยอันควร -Physiology เด็กย่างเข้าขวบปีที่ 2 จะมีอัตราการเจริญเติบโต (growth velocity) ลดลง -เด็กมี autonomy มากขึ้น -อยากทำอะไรด้วยตนเอง (self-help) มากขึ้น เพราะว่า motor develop ดีขึ้น -เด็กมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ห่วงเล่นมากกว่ากิน 2. ตัวเด็กเอง เด็กรับประทานอาหารได้น้อยลงในกรณีที่ป่วยทางกาย เช่น เป็นหวัด ไม่สบายใจ กังวล เศร้า จากสาเหตุอื่นๆ หรือเด็กเลียนแบบการรับประทานอาหารจากคนอื่น 3. เมื่อบิดามารดาต้องการให้เด็กทานได้ตามความตั้งใจของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงเหตุปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ก็จะเกิดปัญหาทำให้มี parent-child interaction ที่ไม่ดี เกิดการต่อต้านจากเด็ก ปัญหายิ่งเพิ่มขึ้น 4.
ต่อวัน หรือรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่นผักใบเขียว ก้านผัก ปริมาณ 2-3 ส่วนต่อวัน ควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับ เครื่องในสัตว์ เพื่อการพัฒนาที่ดีของกล้ามเนื้อ และระบบเลือด ในปริมาณ 12-15 มก.
พ่อแม่ให้ลูกรับประทานอาหารมากเกินไป (กลัวไม่อิ่ม) กระเพาะของเด็กและผู้ใหญ่นั้นแตกต่างกันมาก กระเพาะอาหารของเด็กในช่วงปฐมวัยนี้จะมีขนาดเล็ก ทำให้เด็กรู้สึกหิวระหว่างมื้ออาหารบ่อย พ่อแม่หลายคนกลัวลูกจะหิว หรือกินไม่อิ่ม เลยให้ลูกรับประทานทั้งข้าว ทั้งนม เมื่อถึงมื้ออาหารถัดไปก็ยังบังคับให้ลูกรับประทานเพิ่มเข้าไปอีก ทั้งๆ ที่ยังอิ่มอยู่ ถ้าเด็กไม่ยอมรับประทานอาหารจะก็บังคับสารพัดทั้งคำพูด จับป้อน ฯลฯ ทำให้ลูกรู้สึกทรมาน (อึดอัด) เวลาต้องรับประทานอาหาร ทำให้ไม่ยอมรับประทานอาหารนั่นเอง 3.