เจ้าพายุ 1 12 61
สำนักงานคณะกรรมการ ก. ล. ต. กำลังผลักดันให้มีการระดมทุนแบบใหม่ที่เรียกว่า "Crowdfunding" Crowdfunding นี้จะช่วยบริษัทที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น (start-ups) ที่จะได้เงินทุนไปเริ่มกิจการ ตามปกติผู้ต้องการระดมทุนก็ทำเอกสารยื่น filing เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่สำหรับวิธีการ Crowdfunding ผู้ประกอบการเพียงแต่โฆษณาแผนทางธุรกิจที่จะทำและเงินทุนที่จะใช้ในเว็บที่ให้บริการ Crowdfunding เท่านั้น โดยคาดว่าจะเปิดรับฟังความคิดเห็น (public hearing) ในปีนี้ได้ แนวความคิดของท่านเลขาธิการ ก. นับว่าทันสมัยมาก เพราะในต่างประเทศก็กำลังมีความตื่นตัวเกี่ยวกับ Crowdfunding เช่นเดียวกัน อย่างเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2014 บริษัทชื่อ SolarCity ซึ่งเป็นบริษัทติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาเพิ่งประกาศขายหุ้นกู้แก่ประชาชนมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์โดยนับเป็นบริษัทแรกที่ขาย Solar Bonds ด้วยวิธีการ Crowdfunding Crowdfunding คืออะไร?
5 ของมูลค่าเงินทุน ที่ได้รับการสนับสนุนในแต่ละโครงการ 5. ข้อดี และความเสี่ยงของการทำ Crowdfunding 5. 1 ข้อดี การระดมทุนสามารถทำได้ง่าย และสะดวก ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในจำนวนไม่มาก แต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง เป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของธุรกิจเจ้าใหม่หรือขนาดเล็กที่ไม่สามารถระดมทุนจาก IPO มีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ 5. 2 ความเสี่ยง ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายกำกับควบคุมการทำ Crowdfunding โดยเฉพาะ จึงอาจเกิดความเสี่ยงในการถูกล่อลวง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก Platform มีความเสี่ยงในการลงทุน หรือไม่ได้รับเงินลงทุนคืน เนื่องจากธุรกิจที่ต้องการระดมทุนส่วนมากเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น จึงมีโอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจสูง มีความเสี่ยงในเรื่องความไม่มั่นคงปลอดภัย หรือไม่มีประสิทธิภาพของเว็บไซต์ Platform 6. ข้อเสนอแนะ นอกจากความเสี่ยงในเรื่องของการลงทุน ยังมีประเด็นความเสี่ยงเรื่องความน่าเชื่อถือของ Platform เช่น การถูกหลอกลวงจากเว็บไซต์ หรือเว็บไซต์ไม่ปลอดภัยจากการถูกโจมตี เป็นต้น ซึ่งในกรณีดังกล่าวยังไม่มีกฎหมายเฉพาะรองรับการกำกับดูแล Platform ดังนั้น จึงต้องมีการออกกฎหมาย หรือหลักเกณฑ์เพื่อส่งเสริมและกำกับดูแลการระดมทุนต่อไป เอกสารอ้างอิง: ผู้เขียน: กลุ่มงานกำกับฯ
เริ่มต้นจากปัญหาของลูกค้า มันจะมีข้อแตกต่างระหว่างโปรเจ็คที่รุ่งกับร่วง และนี่คือสิ่งที่ชี้วัดข้อหนึ่ง โปรเจ็คที่รุ่งจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนที่น่าจะเป็นลูกค้า และค้นหาว่าปัญหาของเค้าคืออะไร? และสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานั้นๆ ยิ่งมีคนที่มีปัญหานี้มาก จำนวนเงินที่ได้รับก็จะมากขึ้นตาม ในทางกลับกัน โปรเจ็คที่ร่วงจะเริ่มต้นจากไอเดียผลิตภัณฑ์ก่อน แล้วค่อยไปหาลูกค้าที่น่าจะสนใจผลิตภัณฑ์นี้ มักจะเริ่มต้นจากเจ้าของที่หลงรักไอเดียนั้นๆมาก มากจนมองไม่เห็นหรือไม่สนใจว่าจะมีคนต้องการมันหรือไม่? นี่คือหลุมพรางที่ห้ามตกลงไปเด็ดขาดครับ 2. ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า 10 เท่า เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่กำลังแก้ไขปัญหาเดียวกันอยู่นั้น สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาต้องดีกว่ามากๆ โดยเราสามารถพัฒนาให้ดีกว่าในแง่ของ การใช้งานที่ง่ายกว่า ราคาที่ถูกกว่า หรือฟีเจอร์ที่ดีกว่า หลุมพรางที่คุณไม่ควรตกลงไป คือ เวลานำมาเปรียบเทียบ เมื่อเราคิดค้นสิ่งที่แตกต่างมักจะบอกกับตัวเองว่าเราไม่มีคู่แข่ง เพราะไม่มีใครทำสิ่งนี้เหมือนเราเลย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะเราต้องมองในมุมของลูกค้าก่อนเสมอ ในตอนนี้เค้าใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรแก้ไขปัญหานั้นอยู่ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะใกล้เคียงหรือแตกต่างกับสินค้าเรามากๆ นั่นก็คือคู่แข่งของเรา 3.
(หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการลงทุน ไม่ให้นักลงทุนรายใหญ่รายย่อย หรือบริษัทที่เปิดขายหุ้นเอาเปรียบกัน) และ กลต.
ล. ต. เป็นผู้กำกับดูแลเอง… สำหรับช่องทางที่ถูกกฏหมายไทย… และทาง ก. เองก็เดินสายประชาสัมพันธ์ในหลายๆ เวที เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งธุรกิจและนักลงทุนสามารถมาพบกันอย่างสบายใจ… นักลงทุนได้ที่ที่ให้ทุนได้ทำงาน นักธุรกิจก็มีที่ให้อวดงานดึงดูดทุน … โดยเฉพาะการระดมของภาคเกษตรกรรมที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย ซึ่งข้อมูลในมือผมตอนนี้ มีทั้ง Debt Based และ Equity Based Crowdfunding ให้กิจการด้านการเกษตรและกิจการสายเทคเกษตร หรือ AgTech ไปเสนอตัวขอใช้แพลตฟอร์มระทุนแบบ Crowdfunding ได้จริงแล้วในประเทศไทย… ซึ่งจะมีจุดตั้งต้นที่ Funding Portal Funding Portal คือกิจการที่ได้รับความเห็นชอบและมีใบอนุญาตเป็นตัวแทน ก. คัดกรองบริษัทที่ต้องการระดมทุนแบบ Crowdfunding โดยจะทำหน้าที่สอบทานความมีตัวตนและคุณสมบัติของผู้ระดมทุนตามประกาศของ ก.
ต.
ตัวอย่างโปรเจ็คที่ประสบความสำเร็จ Pebble Watch 10 ล้านเหรียญ (300+ ล้านบาท) Coolest Cooler 13 ล้านเหรีญ (400 ล้านบาท) Kingdom Death 12 ล้านเหรีญ (360 ล้านบาท) Fidget Cube 6. 4 ล้านเหรียญ (19 ล้านบาท) 2. Peer-to-Peer Lending ถ้าคุณต้องการกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยที่เลือกได้ โดยผู้ปล่อยกู้ที่มีเงินเหลือนำมาปล่อยโดยให้ผลตอบแทนที่ตัวเค้าต้องการ แพลตฟอร์มนี้คือหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนอกจากธนาคาร และมีระบบให้เรทคะแนนของคนกู้ เพื่อลดความเสี่ยงให้กับเจ้าของเงิน prosper คือแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ มีนักลงทุนเข้าร่วมใน Prosper และให้เงินไปแล้วมากกว่า 14 ล้านเหรียญ (420 ล้านบาท) 3. Donation-Based Crowdfunding ระดมทุนเพื่อการกุศล ให้การทำบุญของเรานั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น คุณสามารถเลือกโปรเจ็คที่ชื่นชอบหรือแคร์มากๆ อย่างเช่น ระดมทุนเพื่อช่วยผู้สูงอายุ, เสื้อผ้าสำหรับเด็กในแอฟริกา หรืออีกมากมาย ดูตัวอย่างการระดมทุนรูปแบบนี้ได้ที่ gofundme หรือ kiva เตรียมตัวอย่างไรเพื่อสร้างโปรเจ็ค Crowdfunding? มันง่ายสำหรับเราที่จะสร้างโปรเจ็คและอัพขึ้นไปเพื่อขอทุนจากเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Indiegogo (Kickstarter ไม่เปิดรับสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในไทย) มากกว่าที่จะสร้างแพลตฟอร์ม Crowdfunding ขึ้นเองสำหรับตลาดในประเทศไทย มีผู้ประกอบการหลายรายพยายามที่จะทำและสุดท้ายก็ล้มเหลวกันไป เหตุผลเพราะว่าคนในประเทศเรานั้นยังไม่คุ้นเคยกับโมเดลนี้ ผู้ใช้งานจริงๆจะต้องเป็นคนที่ชอบเสพย์ข่าวสารจากต่างประเทศและคุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์ข้ามประเทศ ดังนั้นถ้าคุณต้องการเริ่มต้นสร้างโปรเจ็ค นี่คือ ทริคดีๆที่นำมาฝากครับ 1.
"ดีไหม ถ้าคุณขายสินค้าได้โดยไม่ต้องผลิตสินค้ามาสต๊อกก่อน? "
หน่วยงานรัฐ เข้ามากำกับดูแลอย่างไร? ธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Equity Crowdfunding Platform นี้ ถือเป็นกระบวนการออกและจำหน่าย " หลักทรัพย์ " ให้กับประชาชนทั่วไปรูปแบบหนึ่ง ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ " สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ " หรือ กลต. ซึ่ง กลต. คงไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบ "แผนธุรกิจ" ของแต่ละบริษัทได้ทั่วถึงว่าจริงเท็จและเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ กลต. เข้ามากำกับดูแลเป็นหลักคือ ออกประกาศและกฎระเบียบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นระเบียบที่พยายามจะหา " สมดุล " ระหว่างการส่งเสริมธุรกรรมนี้ (กลต. ให้ความสำคัญกับ Equity Crowdfunding มาก) ควบคู่ไปกับการ " คุ้มครอง " นักลงทุน ซึ่งเป็นบุคคลทั่วไป (ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหนนั้น ต้องดูกันต่อไปนะครับ) มุ่งกำกับดูแล "Funding Portal" ให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของระบบงานภายใน เช่น ต้องมีระบบงานที่ให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลได้มากเพียงพอ และต้องมีการจัดการเงินที่อยู่ในระหว่างการระดมทุนให้เหมาะสม (แยกบัญชีเป็นสัดเป็นส่วน) ซึ่ง Funding Portal ทุกราย ต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงาน กลต. ก่อน จึงจะเปิดให้บริการได้ มุ่งดูแลผู้ลงทุน "รายย่อย" โดยมีแนวคิดว่า " หากการลงทุนผิดพลาด รายย่อยไม่ควรจะเสียหายเยอะ " ดังนั้นจึงมีการกำหนด " วงเงินลงทุนขั้นสูง " ให้กับนักลงทุนรายย่อยแต่ละคน เบื้องต้น (ขอให้ติดตามประกาศอย่างเป็นทางการประมาณสิ้นปี 2015 นี้) รายย่อยจะลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งได้ไม่เกิน 50, 000 บาท และภายในระยะเวลา 1 ปี จะสามารถลงทุนเงินใน Equity Crowdfunding รวมกันได้ไม่เกิน 500, 000 บาท พูดง่ายคือ ต่อให้เจ๊งจาก Equity Crowdfunding จนหมดหน้าตัก ก็จะเสียหายไม่เกิน 500, 000 บาทนั่นเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับ " รายใหญ่ " จะสามารถลงทุนได้มากกว่านั้น ซึ่งสำนักงาน กลต.