เจ้าพายุ 1 12 61
ฉันเคยไปปราสาทนอยชวานไตน์เมื่อ 2 ปีก่อน 4. ใช้กับการสมมุติ (แบบที่ 1) ว่าถ้าทำบางอย่างเสร็จ อีกเหตุการณ์จะเกิดขึ้น (If-Clause Type 1) เหตุการณ์ที่เป็นการสมมุติโดยใช้รูปแบบประโยคเงื่อนไข (If-Clause) แบบที่ 1 โดยหากเหตุการณ์บางอย่างเสร็จสิ้นลงเรียบร้อย อีกเหตุการณ์นึงก็จะเกิดขึ้นตาม ตัวอย่างประโยค The pandemic of Covid-19 can be controlled if the government have had a quick decision. การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สามารถควบคุมได้ หากรัฐบาลมีการตัดสินใจที่รวดเร็ว ทำแบบฝึกหัดเรื่องนี้ ความยากของเนื้อหานี้ โอกาสในการออกข้อสอบ ประโยชน์และการนำไปใช้
(เธอเรียนหนักมาก) ประโยคคำถาม Has she studied very hard? ประโยคปฏิเสธ She has not studied very hard. หลักการใช้ Present Perfect Tense มีดังนี้ 1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และการกระทำหรือเหตุการณ์นั้น ได้ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และอาจจะดำเนินต่อเนื่องไปในอนาคต เช่น She has worked in the bank for seven years. (เธอทำงานที่ธนาคารมาเป็นเวลา 7 ปี) กล่าวคือ เธอได้ทำงานที่ธนาคารมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลา 7 ปี และก็จะทำงานที่ธนาคารต่อไปในอนาคต They haven't lived in Thailand since they were young. (พวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เด็ก) Jane's studied Thai for 2 years. (เจนเรียนภาษาไทยมาเป็นเวลา 2 ปี) The workers have built our house for 9 months. (คนงานสร้างบ้างของเรามาเป็นเวลา 9 เดือน) I've owned this car since 2007. (ผมเป็นเจ้าของรถคันนี้มาตั้งแต่ปี 2007) Paul hasn't worked on Friday since he joined the company. (พอลไม่ได้ทำงานในวันศุกร์ตั้งแต่เขาเข้าร่วมงานกับบริษัท) ข้อสังเกต เรามักจะใช้ since (ตั้งแต่) เมื่อไหร่ เวลาไหน วันไหน สัปดาห์ไหน เดือนไหน ปีไหน คือเป็นจุดหนึ่งของเวลา for (เป็นเวลา) กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน กี่สัปดาห์ กี่เดือน กี่ปี คือตามด้วยช่วงเวลา ประกอบอยู่ในประโยคด้วยเสมอ 2.
= เขาคงจะอาศัยอยู่ที่นี่มาครบ 3 ปีแล้วในเดือนหน้า
Present perfect continuous tense จะเน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์มากกว่า ฉะนั้นจะเลือกใช้ tense ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับนัยยะของสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ โดยถ้าหากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง หรือ "ทำแบบไม่หยุดพัก" ให้ใช้ present perfect continuous เพื่อที่คนฟังจะได้เห็นภาพของความต่อเนื่อง ลองเปรียบเทียบสองประโยคนี้ดูค่ะ The children have studied for their exam since this morning. (present perfect) The children have been studying for their exam since this morning. (present perfect continuous) ประโยคแรก "เด็กๆอ่านหนังสือเตรียมสอบกันตั้งแต่เมื่อเช้า" คนฟังก็จะเห็นภาพว่าเด็กนั่งอ่านหนังสือกัน อาจจะอ่านบ้าง พักบ้าง เล่นบ้าง แต่อ่านกันตั้งแต่เช้าประโยคที่สอง แปลเหมือนกัน แต่คนฟังอาจจะเห็นภาพว่าเด็กๆนั่งอ่านกันมาตั้งแต่เช้าโดยไม่หยุดพักเลย คร่ำเคร่งจดจ่ออยู่กับหนังสือกันมาก ดังนั้นลักษณะเหตุการณ์จะคล้ายคลึงกัน แต่สิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อออกมาหรือแฝงเอาไว้นั้นคือ "ความต่อเนื่อง" ตัวอย่างอื่นๆ เช่น It has rained for three hours. ฝนตกมา 3 ชั่วโมงแล้ว (อาจจะเป็นการตกตลอด 3 ชั่วโมงติดต่อกันหรือตกแบบตกๆหยุดๆก็ได้) It has been raining for three hours.
/ No, it hasn't. ใช่ / ไม่ใช่ Has a boy played football since 3 o'clock? เด็กชายเล่นฟุตบอล(แล้ว)ตั้งแต่ 3 โมงใช่ไหม Yes, a boy has. / No, a boy hasn't. ใช่ / ไม่ใช่ Have I drunk water? ผมดื่มน้ำแล้วใช่ไหม Yes, you have. / No, you haven't. ใช่ / ไม่ใช่ Have you taken a bath? เธออาบน้ำแล้วใช่ไหม Yes, I have. / No, I haven't. ใช่ / ไม่ใช่ Have we eaten rice? พวกเรากินข้าวแล้วใช่ไหม Yes, we have. / No, we haven't. ใช่ / ไม่ใช่ Have they washed the car? พวกเขาล้างรถแล้วใช่ไหม Yes, they have. / No, they haven't. ใช่ / ไม่ใช่ 2. การถามในรูปแบบปฏิเสธ การถามในรูปปฏิเสธแบ่งออกอีกสองประเด็นคือ ในรูปแบบเต็ม และรูปแบบย่อ รูปแบบเต็ม (ไม่นิยมถาม ดูเป็นตัวอย่างแล้วกัน) รูปแบบย่อ (แนะนำให้ใช้ตัวนี้) Hasn't Haven't (คำตอบเหมือนกับด้านบนนะครับ) Hasn't she studied English since July? หล่อนเรียน(แล้ว)ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไม่ใช่หรือ Hasn't he worked in the garden since 8 o'clock? เขาทำงาน(แล้ว)ในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้าไม่ใช่หรือ Hasn't it rained for three hours? ฝนตก (แล้ว) เป็นเวลา 3 ชั่วโมงไม่ใช่หรือ Hasn't a boy played football since 3 o'clock?
Present Perfect คือ? Present Perfect คือ หนึ่งใน Tense รูปแบบหนึ่งจากทั้งหมด 12 แบบในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็น Tense ที่มีความซันซ้อนมากขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งโครงสร้างที่นำมาใช้ผู้เรียนต้องรู้หลักการใช้ have/has และกริยาช่องที่ 3 (Past Participle) เสียก่อน Present Perfect จึงนิยมเริ่มเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมต้นเป็นต้นไป โครงสร้างประโยคของ Present Perfect?
ฝนตกติดต่อกันมา 3 ชั่วโมงแล้ว (ตกแบบไม่ขาดสาย) ** แต่ในบางกรณีถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นแล้ว และไม่ได้มีการดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแต่ผลลัพธ์ยังมีอยู่ Tense ที่ใช้จะเป็น present perfect เพราะบางเหตุการณ์เกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น ใครบางคนทำแก้วแตก ระยะเวลาที่ทำแก้วแตกใช้เวลาไม่นาน จึงไม่แสดงถึงความต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์ของมันคือ แก้วใบนั้นแตกไปแล้ว ประโยคนี้จึงควรใช้ present perfect อย่างไม่ต้องสงสัย คือ Someone has broken the glass. เกี่ยวเนื่องจากประเด็นนี้คือ ส่วนใหญ่ present perfect จะใช้ในเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นไปแล้ว และ present perfect continuous จะใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินมาแต่ยังไม่เสร็จสิ้น เช่น Robert has washed his car. โรเบิร์ตล้างรถแล้ว (เหตุการณ์เสร็จแล้วอาจจะเห็นภาพเป็นรถใหม่เอี่ยมของโรเบิร์ตเพราะผ่านการล้างมาแล้ว) Robert has been washing his car since 10 o'clock. โรเบิร์ตกำลังล้างรถของเขาอยู่ตั้งแต่ 10 โมง (ล้างมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เสร็จ อาจจะเห็นภาพโรเบิร์ตกำลังล้างรถอยู่) ** แต่ present perfect continuous ก็นำมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นแล้วได้เหมือนกัน เพื่อต้องการชี้ให้เห็นถึงร่องรอยหรือผลลัพธ์ของเหตุการณ์ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะได้เกิดเหตุการณ์มาอย่างต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน เช่น เพื่อนของคุณอาจจะทักว่า You look tired.
หลักการใช้ Present Perfect Tense รูปแบบของ Present Perfect Tense Subject + has/have + Verb3 ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมายังปัจจุบัน และมีแนวโน้นที่จะดำเนินต่อไปได้อีกในอนาคต เช่น I have had a lot of toys. ฉันมีของเล่นมากมาย (และอาจจะมีของเล่นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต) ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น It has stopped raining. ฝนหยุดตกแล้ว (แต่ถนนยังเปียกอยู่) ใช้พูดถึง เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆกัน ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยมักใช้คำว่า many/several times, a lot of times, …times, again and again, over and over และอื่นๆ เช่น I've read this book more than 3 times. (ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้มามากกว่าสามรอบแล้ว) ใช้กับเหตุการณ์ที่ เพิ่งสิ้นสุดลง โดยไม่ระบุเวลา ซึ่งมักใช้กับ just, already และ yet yet มักใช้ในประโยคปฏิเสธ ส่วน just และ already นั้น มักจะใช้กันในประโยคบอกเล่า โดยวางไว้อยู่หน้ากริยาหลัก เช่น I haven't finished my homework yet. (ฉันยังทำการบ้านของฉันไม่เสร็จเลย) I have just finished my home work.
ประโยคนี้จะเน้นความสำคัญผลในปัจจุบัน I graduated from Cambridge. ประโยคนี้จะเน้นความสำคัญของผลในอดีต ดูเหมือนว่าอาจจะทำให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนสับสนบ่อยครั้งในกานำมาใช้ ดังนั้นจึงมักมีตัวบ่งชี้เพื่อทำให้ง่ายต่อการแยกประเภท โดยจะต้องสังเกตที่ Adverb ดังนี้ Past Simple มักจะใช้ yesterday, last night, last year, และ ago เป็นต้น Present Perfect จะใช้ since, for, never และ already เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ลดความสับสนในการใช้งานของ Tense ทั้ง 2 แบบไปได้ก็ลองนำไปฝึกใช้กันจะได้สามารถใช้ได้คล่องและเก่งขึ้น
"Present Perfect เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง have/has + V. 3" Present Perfect คือ Tense ที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วยังส่งผลมาถึงปัจจุบัน "Present" แปลว่า ปัจจุบัน "Perfect" แปลว่า สมบูรณ์ โครงสร้างของ Tense นี้ก็คือ have/has + กริยาช่องที่ 3 ตัวอย่าง เหตุการณ์ที่เป็นประสบการณ์ เคยทำมาก่อนเป็นระยะเวลาหนึ่ง/ไม่เคยทำ หรือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่เคยทำมา เช่น I have lived in Italy for many years. (ฉันเคยอยู่ในอิตาลีเป็นเวลาหลายปี) I have seen this movie already. (ฉันเคยดูหนังเรื่องนี้แล้ว) She has never flown on an airplane before. (เธอไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อนเลย) Have you ever tried Indian food? (คุณเคยทานอาหารอินเดียไหม) This is the best book I have ever read. (นี่คือหนังสือที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยอ่านมา) 2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วจบลงไปหมาดๆ เช่น He has just washed the dishes. (เขาเพิ่งจะล้างจานมา) I have arrived in London. (ฉันมาถึงลอนดอนแล้ว) 3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วยังส่งผลมาในปัจจุบัน เช่น I have lost my pen. (ฉันทำปากกาหาย ส่งผลมาถึงปัจจุบัน คือปากกาหายไปแล้ว) 4.