เจ้าพายุ 1 12 61
บำรุงสมอง—ด้วยวิตามิน บี6 ในมะม่วง ช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง อารมณ์ดี มีชีวิตชีวา หลับสบาย ความจำดี มีสมาธิ และตื่นตัว 7. รักษาโรคเบาหวาน—วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือการไม่รับประทานของหวาน ซึ่งมะม่วงเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง แต่กลับช่วยรักษาเบาหวานได้ เพียงแค่นำใบมะม่วง 10-15 ใบ แช่ลงในน้ำอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ข้ามคืน นำมาดื่มขณะที่ท้องว่างในตอนเช้า ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ คนที่ไม่เป็นเบาหวานก็สามารถรับประทานช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้หรือจะใช้วิธี นำใบมะม่วงประมาณ 15 ใบ ล้างให้สะอาดแล้วต้มในน้ำสะอาด 1 ถ้วย ใช้ไฟอ่อนนาน 1 ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งก็เติมเรื่อยๆ เมื่อเสร็จแล้ว ทิ้งค้างคืนไว้ 1 คืน พอตอนเช้ากรองเอาแต่น้ำ ดื่มติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน 8. บำรุงสายตา—ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เพราะในมะม่วงมีวิตามินเอ และเบตาแคโรทีนสูง นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา เมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วย 9. บำรุงผิวพรรณ—วิตามิน เอ ในมะม่วงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ในเนื้อเยื่อและผิวหนัง ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนลดลง ช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียน 10. บำรุงผิวหน้า—ทรีตเมนต์บำรุงผิวหน้า ด้วยการฝานมะม่วงสุกเป็นชิ้นบางๆ แล้วใช้ช้อนบดขยี้เนื้อมะม่วงให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก จะทำให้ผิวหน้าดูสะอาดเกลี้ยงเกลา กระชับรูขุมขน ผิวเนียนเรียบไร้รอยเหี่ยวย่น 11.
ผสมน้ำตาลปี๊บ กับน้ำเปล่า ยกขึ้นตั้งไฟคนให้ละลาย เคี่ยวพอเริ่มข้น ยกลง กรองด้วยผ้าขาวบาง ยกขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง 2. ผสมกะปิ กับน้ำปลา คนให้ละลาย เทใส่ลงในส่วนผสมข้อที่ 1 เติมเกลือป่น และแบะแซ เคี่ยวต่อ พอข้น ใส่กุ้งแห้งทั้ง 2 ชนิด หอมแดง พริกขี้หนู เคี่ยวต่อสักครู่ยกลงพักให้เย็น รับประทานกับมะม่วงเปรี้ยว Cooking Tip: น้ำตาลปี๊บควรเลือกใช้อย่างดี จะทำให้หอม และควรเลือกแบบสีไม่คล้ำมากจะทำให้น้ำปลาหวานสีสวยไม่ดำจนเกินไป ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
รักษาสิว—ฝานมะม่วงบางๆ วางบนใบหน้า ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นล้างออก วิตามิน เอ ในมะม่วงช่วยลดการเกิดสิวได้เป็นปลิดทิ้ง 12. รักษาโรคโลหิตจางในหญิงที่ตั้งครรภ์—ช่วยเสริมธาตุเหล็กให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และมะม่วงเปรี้ยวๆ ยังช่วยรักษาอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะได้เป็นอย่างดี 13. สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย—มะม่วงช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับสารพิษและแบคทีเรียต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นด้วยสารเบตาแคโรทีน 14. ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน—ด้วยวิตามิน ซี ในผลมะม่วงดิบที่มีอยู่สูง 15. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน—ด้วยการรับประทานผลสด แก่ 16. ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ—ด้วยการรับประทานผลสด แก่ 17. ช่วยแก้อาการร้อนใน—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง 18. ช่วยแก้โรคคอตีบ—ด้วยการต้มเปลือกของลำต้นมะม่วง รับประทาน 19. แก้ซางตานขโมยในเด็ก—ด้วยการใช้ใบมะม่วงพอประมาณ มาต้มรับประทาน 20. ช่วยรักษาอาการเยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ—ด้วยการต้มเปลือกของลำต้นมะม่วงรับประทาน 21. ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน และอาการเมื่อยช่วงมีประจำเดือน—ด้วยการนำเปลือกมะม่วงดิบมาคั่ว รับประทานร่วมกับน้ำตาล 22. ช่วยแก้ไขตัวร้อน—ด้วยการนำเปลือกต้นมะม่วงมาต้มเอาน้ำดื่ม 23.
เปิดสูตรมะม่วง น้ำปลาหวาน แซ่บๆ ฉบับแม่หญิงการะเกด ในละคร บุพเพสันนิวาส ของทานเล่นแซ่บๆ ที่ชาวโซเซียลถามหาทั้งคืน!
How to มะม่วงน้ำปลาหวานสุดแซบ
เมื่อครบเวลา ใส่หัวหอมซอย แล้วนำเข้าไมโครเวฟอีก 30 วินาที 6. นำออกมาคนให้เข้ากัน ลองชิมรสดู ปรุงรสเพิ่มตามชอบ อาจเติมน้ำตาล หรือน้ำปลา ตามแต่ที่ชอบได้เลย 7.
" มะม่วงน้ำปลาหวาน " แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกน้ำลายสอขึ้นมาทันที อีกเมนูอาหารว่างรสแซ่บอร่อยถูกปากถูกใจสไตล์อาหารไทย รับประทานได้เรื่อยๆไม่รู้เบื่อ แต่เมื่อนึกหิวมะม่วงน้ำปลาหวานขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะไปซื้อมารับประทานเพราะคิดว่าสะดวกไม่ต้องเสียเวลาทำ แต่จริงๆแล้วขอบอกว่ามะม่วงน้ำปลาหวานนั้นทำง่ายกว่าที่คิดและใช้เวลาแปบเดียว ที่สำคัญต้องอร่อยแซ่บถูกใจ วันนี้ จึงขอนำเสนอวิธีทำมะม่วงน้ำปลาหวานสูตรแซ่บด้วยไมโครเวฟ ที่ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็ได้มะม่วงน้ำปลาหวานมารับประทานแล้ว และอร่อยแซ่บเวอร์แน่นอน แถมกินได้อิ่มสะใจในราคาประหยัดอีกด้วย ที่มีส่วนผสมและวิธีทำง่ายๆตามนี้เลย ส่วนผสม 1. กุ้งแห้งเนื้อตำ (แต่ไม่ต้องละเอียดพอบุบๆหรือแล้วแต่ชอบ) 2. กะปิดี ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำตาลปิ๊บประมาณ 1/2 ถ้วยตวง 4. น้ำปลาประมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ 5. พริกขี้หนูซอยประมาณ 6 - 10 เม็ด (แล้วแต่ชอบ) 6. หัวหอมซอย ประมาณ 4 - 6 หัว วิธีทำ 1. นำน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาผสมให้เข้ากัน 2. ใส่กะปิลงไปด้วย แล้วนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที 3. จากนั้นนำออกมาคน แล้วใส่กุ้งแห้ง ตามด้วยพริกขี้หนูที่ซอยไว้แล้ว 4. นำเข้าไมโครเวฟอีกประมาณ 1 นาที 5.
แก้อาการท้องอืด—ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้เมล็ดของมะม่วงสุกนำมาตากแห้ง แล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผลก็ได้ แล้วนำมารับประทาน 24. ช่วยแก้อาการบิด ถ่ายเป็นเลือด—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง 25. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง 26. แก้อาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง—ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม 27. ช่วยขับพยาธิ—ด้วยการใช้เมล็ดของมะม่วงสุก มาตากแห้ง แล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผงแล้วนำมารับประทานก็ได้ 28. ล้างบาดแผลภายนอก—ด้วยน้ำต้มกับใบมะม่วงสดประมาณ 15 กรัม 29. ใช้เป็นยาสมานแผลสด—ด้วยการใช้ใบมะม่วงสดล้างให้สะอาด แล้วนำมาตำและพอกบริเวณที่เป็นแผล 30. ช่วยในการขับถ่าย มีฤทธิ์เป็นยาระบาย—ด้วยการรับประทานมะม่วงสุก 31. ช่วยขับปัสสาวะ—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง ประโยชน์ของมะม่วง 1. เนื้อไม้ของต้นมะม่วง สามารถนำมาใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ 2. ใบแก่ของมะม่วงใช้เป็นสีย้อมผ้าให้เป็นสีเหลือง 3. ใช้ประกอบอาหารหรือใช้รับประทานเป็นของว่างได้หลากหลาย เช่น ทำน้ำพริก ยำมะม่วง ต้มยำ เมี่ยงส้ม หรือ การทำเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน คั้นเป็นน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน 4.